คลินิกเพื่อนใจ HIV

@@@@@....คลินิกเพื่อนใจHIV แหล่งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคเอดส์ แนะนำ ปรึกษาปัญหา สอบถามข้อสงสัยทุกวันได้ที่นี่ .........@@@@@

Home

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คลีนิกนิรนาม

1
คลีนิกนิรนามคืออะไร
คือคลินิกให้บริการปรึกษาทางดานการแพทย์และสังคมเกี่ยวกับโรคเอดล์และกามโรค รวมทั้งตรวจเลือดการติดเชื้อเอดส์โดยไม่ต้องแจ้งชื่อและที่อยู่
คลีนิกนิรนามบริการอะไร

- ให้บริการปรึกษาเชื่อโรคเอดส์และปัญหาสุขภาพทั่วไป
- ให้บริการปรึกษาก่อการตรวจเลือดและหลังทราบผลเลือด
- ตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอดส์และกามโรค
- ช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์

05688

คลีนิกนิรนามสำหรับใคร

- ผู้ที่สนใจและต้องการข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์และกามโรค
- ผู้ที่กังวลว่าตัวเองติดเชื้อเอดส์หรือไม่
- ผู้ที่จะแต่ง งานหรือมีครอบครัว
- ผู้ที่วางแผนจะมีบุตร
- ผู้ที่จะไปทำงานต่างประเทศ

สถานที่ให้บริการคลีกนิรนาม
ในกรุงเทพฯ

- สถานกามโรคบางรัก 287-0752
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.1 (นางเลิ้ง) 281-7398 ,281- 0651
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.2 (บ้านชีวี) 245 - 7194
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.3 (พระปิ่นกล้า) 460-1449
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.4 (ภาษีเจริญ) 467-7345
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.5 (ท่าเรือ) 249-2141 , 249-7574
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.6 (วชิระ) 243-2151 ต่อ 2631
- หน่วยกามโลกและโรคเอดส์ที่ 1.7 (บางเขน) 521-0819 , 521-1668 ต่อ 30
- คลินิกให้บริการปัญหาสุขภาพ โรงพยาบาลบำราศนราดูร 590-3737 , 590-3509
- คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย 256-4107-9
- โรงพยาบาล / ศูนย์บริการสาธารณะสุขของรัฐบาล

ในต่างจังหวัด

- ศูนย์กามโรคและโรคเอดส์ สำนักงานโรคติดต่อเขต
- หน่วยกามโรคและโรคเอดส์ สำนักงานโรคติดต่อเขต
- หน่วยโรคเอดส์และกามโรค ลำนักงานสาธารณะสุขจังหวัด
- โรงพาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ( โรงพยาบาลประจำจังหวัด)
- โรงพยาบาลชุมชน( โรงพยาบาลประจำอำเภอ)

บริการปรึกษาปัญหาทางโทรศัพท์

- มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ 227-7699 , 277-8811, 276-2950-1(ฟรี)
จันทร์-ศุกร์ 08.30 - 22.00 น.
เสาร์-อาทิตย์ 09.00- 18.00 น
- ศูนย์ปรึกษาปัญหาวัยรุ่น สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย 245-7382-5
จันทร์ - ศุกร์ 09.00-17.00 น.
- สายด่วนโรงพยาบาลบำราศนราดูร 590-3737,590-3509
จันทร์ - ศุกร์ 8.30-16.30 น.
- โครงการเข้าถึงเอดส์ 245-044-5
ทุกวัน 16.00-21.00น.

แล้วเราจะหาถุงยางอนามัยได้จากที่ไหนบ้างล่ะ?

30

มีคนบอกว่า"ของฟรีไม่มีในโลก"ชายน้อยคนหนึ่งนะครับที่ขอแย้ง เพราะของฟรีที่เรายังหาได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถุงยางอนามัยนั่นเอง เย้....เราสามารถขอรับได้ฟรีที่คลินิกกามโรคหรือคลินิกวางแผนครอบครัว โรงพยาบาลทั่วไป ที่ทำการสาธารณสุขอำเภอ สาธารณสุขจังหวัด(ทางราชการจัดหาถุงtakecaremascotยางอนามัยเพื่อแจกจ่ายให้เราฟรีครับโดยเฉพาะสถานบริการทางเพศทั่วประเทศ) หรือถ้าใครไม่ชอบของฟรีและหาได้ทันท่วงที ตามร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านขายของชำ และร้านขายยาทั่วไปมีจำหน่ายครับผม อ้อ..แล้วอย่า ลืมนะครับ ก่อนซื้อต้องดูให้ดีว่าไม่หมดอายุ ซองบรรจุอยู่ใน สภาพดีไม่มีรอยปริหรือฉีกขาดและมีการเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม อย่าลืมดูกันให้ดีนะครับ เพื่อที่เราจะได้ของที่มีคุณภาพคุ้มราคา ไม่ทำให้เราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์หรือ เชื้อกามโรคต่างๆ อย่าอายที่จะใช้มันนะครับ"ยืดอกพกถุงครับ" เพื่อชีวิตที่ปลอดภัย ห่างไกลเอดส์ครับ

  ชายน้อยมีวิดีโอขั้นตอนวิธีการใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องมาฝากกันด้วยครับ เป็นวิธีที่ถูกต้องและปลอดภัยครับ ลองนำไปใช้กันดูนะครับ “ยืดอกพกถุงนะครับ”

4020 1252386188_7283 con1

เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าติดเชื้อเอดส์?

29_20071130112531.

ในปัจจุบันนี้นอกจากการตรวจเลือดแล้ว เรายังสามารถใช้น้ำลายและปัสสาวะตรวจหาเชื้อเอดส์ได้ครับ(เป็นวิธีที่สะดวกครับ บริษัทประกันชีวิตนิยมใช้กัน) ในการตรวจเลือด น้ำลาย หรือปัสสาวะนั้น จะทำการตรวจหาแอนติบอดี้ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถทำปฏิกิริยากับHIV(แอนติบอดี้ไม่เป็นอันตรายครับ เพราะมันไม่ใช่เชื้อ เป็นเพียงโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อเจ้าHIVแค่นั้นเองครับ) และถึงแม้เราจะตรวจหาแอนติบอดี้ในน้ำลายและปัสสาวะได้ แต่น้ำลายและปัสสาวะก็นำเชื้อได้น้อยมากๆถึงไม่ได้เลย เพราะมีปริมาณเชื้อHIVน้อยมากหรือไม่มีเลย kapook_43489

เพื่อนๆรู้กันหรือเปล่าครับว่า การที่จะติดเชื้เอดส์จากคนที่มีเชื้ออยู่แล้วนั้น ไม่ได้ติดกันง่ายหรือยากจนเกินไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ปริมาณเชื้อ ภูมิต้านทานของผู้สัมผัสเชื้อ และปัจจัยอื่นๆที่ยังไม่ทราบแน่ชัด(รู้หรือเปล่าครับว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ติดเชื้อ1ครั้ง มีโอกาสที่จะติดเชื้อเอดส์ได้ร้อยละ1ถึง0.1หรือโอกาสที่ถูกเข็มเปื้อนเลือดHIVตำ1ครั้ง มีโอกาสติดเอดส์ได้ร้อยละ0.3หรือลูกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์มีโอกาสติดkapook_43491เอดส์จากแม่ได้ร้อยละ20-30 เป็นต้น) 

ปัจจุบันชุดทดสอบเอดส์มีความไวสูงมากสามารถตวรจพบแอนติบอดี้ได้ภายใน4-6สัปดาห์หลังสัมผัสเชื้อ หลายคนคงเคยได้ยินการตรวจเอดส์โดยตรวจDNAหรือสายพันธุกรรมของHIVโดยอาศัยปฏิกิริยาลูกโซ่(Polymerase Chain ReactionหรือวิธีPCR)โดยมีความไวสูงมาก สามารถตรวจพอHIVได้หลังจากสัมผัสเชื้อ1-2สัปดาห การตรวจแบบนี้มีวิธีค่อนข้างยาก มีไม่กี่โรงพยาบาลที่ตรวจหาได้และมีราคาแพง ถ้าตรวจเจอต้องตรวจซ้ำเพื่ิอยืนยันผล และถ้าไม่เจอก็ต้องรอตรวจแอนติบอดี้เมื่อครบ3เดือนอยู่ดี

2888297600_a99a95bf41_m

แท็กของ Technorati: {กลุ่มแท็ก},,,,,

รู้ไว้สักนิด..ความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันครับ

 Aids3

เข็มฉีดยาที่ใช้ร่วมกันหลายคนมีโอกาสแพร่เชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเลือดได้มากเลยนะครับ เพราะส่วนใหญ่การล้างทำความสะอาดจะฆ่าเชื้อโรคได้ไม่หมด และเมื่อมีคนใดคนหนึ่งที่ติดเชื้อเอดส์ใชข็มนั้น ก็จะทำให้คนอื่นๆที่มาใช้เข็มฉีดยาอันเดียวกันนั้นมีโอกาสที่จะติดเอดส์ได้สูงทีเดียวเลยนะครับ จากผลสำรวจของหลายหน่วยงานทำให้เราทราบว่า กรณีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันนี้ พบมากในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดโดยการฉีดเป็นอันดับแรก hivเหตุการณ์เช่นนี้เกิดได้ในชุมชนแออัด และในคุกที่ผู้ถูกคุมขังแอบลักลอบเอาเข้าไปได้ บางคนอาจบอกว่ามีเข็มฉีดยาของตนเอง เอาไว้ใช้คนเดียว แต่หารู้ไม่ว่าอาจมีคนแอบยืมเอาเข็มฉีดยาเราไปใช้แล้วฝากเชื้อเอดส์ไว้เป็นค่ายืมเข็มก็เป็นได้ ฉะนั้นนะครับ ทางที่ดีถ้าจำเป็นที่ต้องใช้เข็มฉีดยาด้วยตัวเองจริงๆ ควรใช้เข็มทีเดียวแล้วทิ้งให้ถูกสุขลักษณะนะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและผูอื่น เห็นมั๊ยละครับว่าเรื่องบางเรื่องรอบตัวเราก็มองข้ามไม่ได้เลย เพราะโรคภัยรอบตัวพร้อมที่จะคุกคามชีวิตเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราควรใช้ชีวิตอย่างมีสติและระมัดระวัง อย่าประมาทเด็ดขาดเลยนะครับ เพราะความประมาทที่เราคาดไม่ถึงเพียงครั้งเดียวก็อาจคร่าชีวิตของเราได้เลยนะครับ

 

เมื่อทราบผลการตรวจเลือดควรจะบอกใครดีรึเปล่าน๊า...?

heart

1.ผู้ที่ถูกตรวจจะเป็นคนๆเดียวที่รู้ผลเลือดนะครับ เจ้าหน้าที่พยาบาลไม่มีสิทธิที่จะบอกผลเลือดของเราต่อใครๆครับ

2.เราไม่จำเป็นต้องบอกผลเลือดให้คนอื่นทราบก็ได้ครับ เพราะบางทีบอกไปอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งเราและคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผลเลือดเป็นบวก

3.คนที่สำคัญที่สุดที่เราควรจะบอกผลเลือดก็คือคู่นอนของเรานะครับ เพราะถ้าเราไม่บอกและป้องกัน ถ้าเขาติดเชื้อจากเราเท่ากับเราฆ่าคนตายโดยเจตนา มีความผิดทางอาญาด้วยนะครับnewspic_20090210021546-1

4.การบอกผลเลือดโดยเฉพาะถ้าผลเป็นบวกอาจเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน บางกรณี บางคนอาจต้องบอกทีละนิดหรือบางครั้งอาจต้องขอให้แพทย์ช่วยบอกโดยเจ้าตัวอยู่ด้วย

5.เจ้าหน้าที่พยาบาลจะแนะนำให้คู่นอนไปตรวจเลือดพร้อมกัน เพราะอยากให้บอกผลเลือดต่อกันหรือบอกเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้ช่วยเสริมการป้องกันด้วย

6.ญาติพ่อแม่พี่น้องรวมทั้งเพื่อนฝูงไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเราติดเชื้อเอดส์หากเราไม่ต้องการให้รู้หรือผู้ติดเชื้อบางคนอาจให้ญาติที่ไว้ใจหรือเพื่อนสนิทรู้เพื่อจะได้มีคนคอยปรับทุกข์บ้าง"ไม่ควรกลัวจนเกินกว่าเหตุนะครับว่าทุกคนจะรังเกียจเรา บางทีการที่พยายามปิดบังเขาอาจทำให้เกิดทุกข์มากขึ้นไปอีก"

                           kapook_43500       kapook_42935

 

มีประโยชน์อย่างไรหากรู้ว่าติดเชื้อเอดส์

5006

ggg3จะได้ป้องกันคนที่เรารักไม่ให้ติดเชื้อตามเรา

ggg3จะได้ป้องกันตัวเองไม่ให้รับเชื้อเพิ่มขึ้นหรือรับเชื้อโรคอื่นๆที่ทำให้เอดส์กำเริบเร็วขึ้น

ggg3จะได้ดูแลสุขภาพตนเองให้ใกล้ชิด

ggg3จะได้พบแพทย์เพื่อรักษาโรคแทรกซ้อนตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่เป็นมากจนเยียวยาไม่ทัน

ggg3จะได้รักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ได้ทันท่วงที ซึ่งจะได้ผลดีกว่าเมื่อเริ่มใช้ยาตอนเป็นมากแล้ว

888849290._V211376730_

 

ไปตรวจHIVได้ที่ใดบ้างล่ะ?

24_20090213102511.ent0071

1.โรงพยาบาลทุกแห่งครับ พิเศษสุดสำหรับคนที่ใช้สิทธิบัตรทองของ สปสช.สามารถตรวจHIVได้ฟรีปีละ2ครั้ง

 

2.สถานที่ตรวจที่ดีที่สุดคือสถานที่ที่ให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังการตรวจ มีการเก็บความลับของผู้ป่วยไม่ว่าจะตรวจเจอหรือไม่เจอ เช่น คลีนิกนิรนามของสภากาชาดไทย หรืคลินิกลักษณะเดียวกันตามสำนักงานสาธารณะสุข หรือโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ

3.ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2551 ผู้ถือบัครทองมาตรวจเอดส์ที่คลีนิคนิรนามไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ(สอบถามรายละเอียดโทร 02 2522568-9)

01_62

***อยากบอกทุกคนเลยนะครับว่า ถ้าอยากไปตรวจต้องสมัครใจไปตรวจด้วยตนเองนะครับ ถ้าหากถูกใครบังคับหรือส่งให้ไปตรวจ อาจเกิดผลเสียแต่ผู้ถูกตรวจเองเพราะข้อมูลจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปครับ

 

ใครบ้างและเมื่อไหร่ที่ต้องไปตรวจHIV?

a4_2

1.ทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน

2.คนที่มีพฤติกรรมทางเพศหรือการใช้ยาเสพติดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อHIV

3.คนที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับคนรัก 1205214720

4.ก่อนแต่งงาน 

5.ก่อนวางแผนว่าจะมีบุตรหรือก่อนตั้งครรภ์

6.ขณะไปฝากครรภ์

7.คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์และยังไม่เคยไปตรวจเอดส์

8.การตรวจเช็คสุขภาพประจำปี ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง

9.เมื่อทราบหรือคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกบังคับให้ตรวจ เช่น สมัครงาน ทำประกันชีวิต ก่อนการผ่าตัด เพื่อจะได้ตัดสินใจล่วงหน้าได้ว่าจะยังไปอยู่หรือไม่ ความลับจะรั่วไหลหรือไม่ images

***แนะนำให้ไปตรวจพร้อมกันกับคู่นอนนะครับ เพื่อถ้าตรวจจะจะได้บอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ทันที

mentmarry00101

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทำยังไงนะที่จะมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยห่างไกลโรคเอดส์?

sca201    

      ชายน้อยมีคำแนะนำดีๆมาฝากกันนะครับ เป็นวิถีปฏิบัติพร้อมแนวคิดง่ายๆ(ถ้าไม้ฝืนความรู้สึกเราเกินไปนะครับ +555) เพื่อที่เราจะได้เข้าใจขั้นตอนการป้องกันโรค และปฏิบัติได้จริงอย่างถูกต้องกันนะครับ ถ้าไม่อยากรอนานก็…ไปดูกันเลยครับ

1..”ถ้าไม่มีเพศสัมพันธ์ก็จะไม่ติดเอดส์” อันนี้จริงแท้แน่นอนเลยครับ เป็นสัจธรรมของโลกเลยก็ว่าได้ ถ้าเราไม่ไปหาเอดส์ เอดส์จะมาหาเราได้อย่างไร เพื่อนๆว่าจริงไหมครับ

2.ความรู้สึกทางเพศเป็นเรื่องปกติของสัตว์โลกนะครับ ขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละบุคคลว่าจะควบคุมมันได้แค่ไหน ซึ่งการที่จะควบคุมมันได้นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันนะครับ(ชายน้อยก็เป็น+55) ฉะนั้นทำยังไงเอ่ย….อ้อรู้แล้ว เราฝึกตัวเองได้ครับ แต่มันอาจยากสักนิดนึงเพราะมันก็เปรียบเสมือนการหักดิบเลิกยาเสพติด เพราะเป็นกิเลสเหมือนกัน โดยการไม่หมกมุ่นกับมัน หากิจกรรมอื่นๆที่เป็นประโยชน์ทำสักหน่อยเพื่อคลายเครียด เช่น เล่นกีฬา ดนตรี ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ(หากปล่อยให้เกิดเวลาว่างๆมากๆจะเกิดอาการจิตตกคิดวกวนมาเรื่องนี้เสมอ ตามหลักพระพุทธศาสนาบอกว่าหากปล่อยจิตให้ว่าง จิตจะเป็นเสมือนน้ำที่พร้อมที่จะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ)

3.หากมีความต้องการทางเพศมากๆ อาจใช้วิธีช่วยตนเอง(save sex) เพื่อผ่อนคลายความรู้สึกให้ลดน้อยลงได้ เช่น การใช้มือลูบ หรือ ถูตามอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึกทางเพศ เช่น หัวนมหรืออวัยวะเพศ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถช่วยตัวเองได้แม้อาจไม่ถึงจุดสุดยอด แต่ก็ทำให้อารมทางเพศสงบลงระยะหนึ่ง แต่ข้อควรระวังนะครับ คือ ควรมีความถี่แต่พอดี อย่าหมกมุ่นมากนะครับ เดี๋ยวไม่เป็นอันทำอะไรกันพอดี

4.เมื่อชายหรือหญิงอยู่ด้วยกันสองคนเพียงลำพัง โอกาสที่จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์กันมีสูงมากเลยครับ และยิ่งมีการสื่อสารกันของ ชายกับชาย หญิงกับหญิง หรือหญิงกับชาย นำไปสู่ขั้นตอนการมีเพศสัมพันธ์ดังนี้(จินตนาการกันเอาเองนะครับ +55)

1) การพูดจาพลอดรักกันด้วยคำหวานๆaids_know_condom

2) การจับเนื้อต้องตัวกัน

3) การจูบกัน

4) การใช้มือสำเร็จความใคร่ให้กันและกัน

5) การใช้ปากสำเร็จความใคร่ซึ่งกันและกัน

6) การมีเพศสัมพันธ์กันโดยมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งขั้นตอนนี้เองถือเป็นจุดสุดยอดที่หนุ่มๆถือว่าเผด็จศึกได้สำเร็จ

การมีเพศสัมพันธ์ที่มีท่วงท่ารุนแรงและพลิกแพลงเกินไป เช่น การเข้าประตูหลัง อาจทำให้เกิดการฉีกขาดและติดเชื้อได้ง่ายมากๆเลยครับ ฉะนั้นการร่วมเพศกันต้องใตร่ตองให้ดีหากจะไม่ใส่ถุงยางอนามัย ก็ต่อเมื่อตรวจเลือดซ้ำหลัง3-6เดือนแล้วไม่มีเชื้อ และทั้งคู่ไม่นอกใจกันนะครับ รักเดียวใจเดียว ความรักของเราจะได้ยืนยาวตราบฟ้าดินสลาย

prevent_hiv_and_aids-3287

เพศสัมพันธ์กับHIV

25_20090320104259.          

ปัจจุบันมีคนไทยติดเชื้อเอดส์ราว6แสนคน ตายไปแล้วประมาณ6แสนคน 80%ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ 20%เป็นการเสพยาเสพติดโดยใช้เข็มร่วมกันและจากแม่สู่ลูก

          โรคเอดส์เริ่มเข้ามาในเมืองไทยในปี 2527 โดยชายฝรั่งชาวรักร่วมเพศ โรคเอดส์ระบาดกันในหมู่ชายรักชาย และต่อมาในปี2531โรคเอดส์ระบาดในกลุ่มผู้ติดยาเสพติด กลุ่มผู้ติดยาที่มีเชื้อไปเที่ยวบริการทางเพศ ไม่ว่ากลุ่มชายรักชาย หรือรักทั้งชายทั้งหญิง ไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงขายบริการ ก็ทำให้โรคเอดส์เริ่มระบาดในกลุ่มหญิงขายบริการตั้งแต่ปี 2532

          ปีต่อมา(2533)พบว่ามีการติดเชื้อในกลุ่มชายนักเที่ยวสูงขึ้น อีก1ปีต่อมาพบว่าโรคเอดส์ระบาดเข้าไปในกลุ่มแม่บ้าน เพราะชายนักเที่ยวแพร่เชื้อให้ภรรยาและแฟน ทำให้อัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ลูกที่เพิ่งเกิดใหม่ติดเชื้อไปด้วย ทำให้โรคเอดส์วนเวียนอยู่ในกลุ่ม ชาย-หญิงที่มากรัก และการมีเพศสัมพันธ์เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่แทบจะขาดไม่ได้ของมนุษย์จึงทำให้เอดส์ระบาดมากในหมู่คนไทยอย่างกว้างขวาง

         คาดประมาณว่าในปัจจุบันมีคนไทยติดเชื้อเอดส์ใหม่ปีละกว่า 2หมื่นคน กลุ่มที่น่าจับตามองที่สุดคือ กลุ่มชายรักชายตามเมืองใหญ่ๆที่ชอบเที่ยว 58e0eaa0b98ef25หาความสำราญ ปี2550 พบว่ามีอัตราการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากลัว โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชายในกรุงเทพมหานคร มีอัตราการติดเชื้อสูงถึง1ใน3ของผู้ติดเชื้อใหม่ และอัตราการติดเชื้อเอดส์เพิ่มสูงขึ้นใน1-2ปีที่ผ่านมา จึงเป็นที่น่ากังวลว่าโรคเอดส์จะกลับมาระบาดในไทยอีกเป็นระลอกที่2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนที่มักมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันที่ดีพอ

          ความรู้สึกทางเพศเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของคนและสัตว์ จะเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน หรือมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับบุคคล วัย ระดับการศึกษา วัฒนธรรม การมีสติ และการฝึกอบรม เช่น นักบวชอาจรู้จักควบคุมได้ดีกว่าฆราวาส เป็นต้น

           ความต้องการทางเพศจะนำไปสู่การแสดงออกหรือการตอบสนองทางเพศซึ่งมีหลายรูปแบบแล้วแต่สถานการณ์ สภาพแวดล้อม ความรู้สึกผิดวัยรุ่น1ชอบชั่วดี สติสัมปชัญญะ และปัจจัยเอื้ออำนวยต่างๆ เช่น ฝันเปียก การสำเร็จความใคร่ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นต้น การมีเพศสัมพันธ์ระหว่าง ชายกับชาย หญิงกับหญิง อาจไม่ใช่วิธีปกติที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ไม่ว่าจะชอบแบบใด โอกาสติดเชื้อเอดส์แทบไม่ต่างกันถ้าไม่ป้องกัน เพราะการมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่อวัยวะเพศจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์มากที่สุดถ้าไม่มีการป้องกัน เพราะในน้ำคัดหลั่งของชายและหญิง รวมทั้งน้ำกามของผู้ชายจะมีเชื้อเอดส์อยู่มาก อีกทั้งเยื่อบุอวัยวะเพศชาย หรือเยื่อบุช่องคลอดของผู้หญิงหรือเยื่อบุทวารหนัก จะมีลักษณะบอบบางมาก เชื้อสามารถแพร่เข้าไปในร่างกายได้ง่าย นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่ มักนำไปสู่การปริหรือฉีกขาดของอวัยวะที่รองรับการสอดใส่ จึงทำให้รับเชื้อได้ง่าย และถ้ายิ่งมีแผลกามโรคอยู่ด้วยยิ่งทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

            การมีเพศสัมพันธ์โดยวิธีอื่น เช่น การใช้ปาก(oral sex) ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมากเพราะน้ำลายมีเชื้อเอดส์น้อยและเป็นเชื้อที่ไม่แข็งแรง อาจพอมีโอกาสอยู่บ้างเมื่อมีบาดแผลหรือในช่องปากอักเสบหรือมีการกลืนกินน้ำกามของผู้ติดเชื้อ(ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ทอมกับดี้มีความเป็นไปได้ยากหรือมีโอกาสน้อยที่จะติดเชื้อเอดส์)f490c742cd8318bL

            สาเหตุที่คนไทยติดเชื้อเอดส์เยอะถ้าเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ อธิบายได้หลายอย่างคือ ประเทศไทยมีหญิงขายบริการทางเพศมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากความยากจน ขาดการศึกษา หรือมีการศึกษาแต่ชอบความฟุ้งเฟ้อรักสบาย ผู้ชายไม่ค่อยใส่ใจเรื่องถุงยางอนามัยเนื่องจากอายที่จะซื้อ หรือกลัวผู้หญิงว่าปอด หรือถ้ายิ่งเสพสิ่งเสพติดเข้าไปยิ่งทำให้มีความคึกคะนอง และในขณะเดียวกันหญิงขายบริการก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรองมากเพราะกลัวถ้าไม่ยอมแขกก็จะไม่ให้เงิน อีกทั้งยังเป็นอาชีพผิดกฎหมาย เข้าตำรา กลัวอดมากกว่ากลัวเอดส์

            ปัจจุบันพฤติกรรมทางเพศของคนไทยเปลี่ยนไป คือ ชอบแบบที่ไม่ต้องซื้อหามากขึ้น เช่น เพื่อนฝูงในกลุ่ม คนรู้จัก คนที่เจอปุ๊บรักปั๊บ บางครั้งแลกคู่กันด้วย โดยคิดว่าเขาเหล่านั้นเป็นมือสมัครเล่น ยังหาประสบการณ์เลยวางใจไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่หารู้ไม่ว่าเขาเหล่านั้นก่อนจะมาถึงเราได้ผ่านมือใครมาแล้วบ้าง นี่คือสาเหตุอันดับแรกๆของการติดเอดส์ทางเพศสัมพันธ์ในปัจจุบัน

            ผู้หญิงไทยปัจจุบันส่วนใหญ่จะติดเอดส์จากแฟน หรือสามี เพราะผู้ชายไทยส่วนใหญ่จะโชกโชนทางเพศมากกว่า มันเป็นความภูมิใจที่เป็นค่านิยมที่ว่า ยิ่งได้ฟัน หรือเปิดบริสุทธิ์เด็กมากเท่าไหร่ยิ่งแสดงว่าตัวเองหล่อหรือเก่ง และอีกอย่างครอบครัวในสังคมไทยผู้ชายจะเป็นใหญ่ ทำให้ผู้หญิงไม่ค่อยกล้าปฏิเสธ

9 วิธีหลีกหนีเจ้าวายร้ายHIV

เรามาร่วมปลุกจิตสำนึกป้องกันโรคเอดส์กันเถอะครับเพื่อตัวเรา คนที่เรารัก และสังคมไทยของเราจะได้ห่างไกลจากโรคเอดส์ โรคร้ายที่ยังไม่มีทางรักษาหายขาดได้ เพื่อจะได้ช่วยกันป้องกันไว้ก่อนที่จะสายไป ด้วยวิธีง่ายๆที่ไม่ควรมองข้าม ที่คุณครูสอนกันมาตั้งแต่ประถมกันแล้วหละครับ ชายน้อยว่าเรากลับไปทวนกันหน่อยก็ดีนะครับ งั้นเริ่มกันเลยนะครับcon1

1.หากรู้ตัวว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น กิ๊ก กุ๊ก กั๊ก หรือใคร ตัวอะไรก็แล้วแต่นะครับ ห้ามลืมเด็ดขาด พี่ถุงยางอนามัย การ์ดป้องกันตัวเราจากเจ้าวายร้ายHIVครับ อย่าลืมสวมหรือให้คู่นอนของเราสวมอย่างถูกวิธีทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ นี่ต่างหากละครับสวรรค์ที่แท้จริง มีความสุขอย่างไร้ความกังวลที่ใครๆก็สามารถมีได้

2.ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่นโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆก็ตาม (โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสพยาเสพติดโดยวิธีฉีดที่อาจมีผู้ติดAids3 เชื้อเอดส์ร่วมอยู่ด้วย) เพราะเข็มที่ผ่านการใช้มาแล้วอาจยังคงมีเลือดหรือเชื้อโรคตกค้างอยู่ และเมื่อเรานำมาฉีด เชื้อโรคก็จะเข้าในร่างกายเราได้โดยตรง ไม่จำกัดว่าต้องแค่เฉพาะเชื้อHIVนะครับ แต่หากรวมไปถึงโรคติดต่อทางเลือดและเชื้อโรคอื่นๆด้วยนะครับ อันตรายมากเลยนะครับ ในกรณีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันนี้ในกลุ่มผู้เสพยาที่มีผู้ติดเชื้อเอดส์ มีสถิติการตายเป็นอันดับต้นๆของผู้ติดเชื้อเอดส์ทั้งหมดทุกกรณีเลยนะครับcartoon7

3.ก่อนแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับคนที่เราไว้วางใจ ควรพากันไปตรวจเลือดก่อนดีกว่านะครับ โดยเฉพาะวัยรุ่น อย่าใจร้อนเกินไปนะครับ เราไม่สามารถรู้ได้ทุกอย่าง ว่าคู่นอนของเราผ่านอะไรมาบ้าง และถ้าหากตรวจไม่เจออย่าเพิ่งนิ่งนอนใจโดยเด็ดขาด ควรรออีก3เดือนแล้วไปตรวจใหม่นะครับ จึงจะปลอดภัย กันไว้ดีกว่ามาเยียวยากันทีหลังนะครับ ชายน้อยเข้าใจว่าความใคร่ในช่วงนี้มันรุนแรง แต่ถ้าเราใจร้อนวู่วามเกินไป มันจะได้ไม่คุ้มเสียเอานะครับ คิดถึงทุกคนที่รักเราให้มากๆ  (เคยเจอมาเยอะครับ จากกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เป็นวัยรุ่น เจอกรณีเดียวกันเกือบทุกราย)

manowman 4.ความซื่อสัตย์ต่อกันของสามี-ภรรยาเป็นเรื่องสำคัญมากนะครับ โดยเฉพาะเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตนเอง การตรวจเลือดก่อนแต่งงานหรือมีลูกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆที่เราควรตระหนักอย่างยิ่ง เพราะการที่ปล่อยให้มีลูกทั้งๆที่ตัวพ่อหรือแม่มีเชื้อเอดส์ นับว่าเป็นการทำร้ายชีวิตน้อยๆที่เพิ่งเกิดมาอย่างโหดร้ายมาก ก่อให้เกิดปัญหากับสังคมตามมา เพราะยังถือว่าเด็กที่ติดเชื้อเอดส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังต้องเติบโตไปเป็นเยาวชนที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตหลายๆอย่าง ทำให้มีผลต่อสภาพจิตใจของตัวเด็กเอง รวมไปถึงยังมีหน่วยงานหรือมูลนิธิให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนต่างๆที่ยังให้ความสำคัญในเรื่องนี้น้อยอยู่20091222193121

5.หากรู้ว่าตัวเองติดเชื้อ ควรพบบุคลากรทางการแพทย์ทันที เพื่อขอรับยาต้านไวรัสและการวางแผนครอบครัว รวมทั้งวิธีดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง และที่สำคัญอย่าลืมสวมหรือให้คู่นอนของเราสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์นะครับ (รักและห่วงใยมากๆจากผู้เขียนบล็อกนี้)

humor_masks2009-med-lrg 6.หากติดเชื้อเอดส์ ห้ามบริจาคเลือดหรืออวัยวะเด็ดขาด เพราะเชื้อที่อยู่ในตัวเรา อาจแพร่ไปทำร้ายผู้อื่นที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย เป็นหญิงมีครรภ์1การฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างทารุนเลยนะครับ

7.หากตั้งครรภ์ ต้องไปฝากครรภ์และถือโอกาสตรวจหาเชื้อเอดส์ทีเดียวเลยนะครับ เพื่อความปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก อย่างน้อย ก็สามารถทำให้เราป้องกันและวางแผนได้ทันท่วงที

HIV(1) 8.ไม่ควรบริจาคเลือดเพราะเพียงแค่อยากรู้ว่าติดเอดส์หรือไม่ เพราะการตรวจเลือดในครั้งแรกยังไม่สามารถบ่งบอกได้แน่ชัดเพราะอาจยังตรวจไม่เจอ ทั้งๆที่มีเชื้อเอดส์อยู่แล้ว เพราะต้องรออย่างน้อยอีก 3 เดือน(เฉพาะคนที่ไม่แน่ใจว่าติดเชื้อหรือไม่นะครับ ส่วนคนที่มีเชื้อก็ควรงดบริจาค ส่วนคนที่ไม่มีเชื้อก็เชิญอิ่มบุญให้เต็มที่เลยครับ ชายน้อยขอร่วมอนุโมทนาด้วยครับ 555)

9.เราไม่ควรสัมผัสเลือดของคนอื่นโดยตรงนะครับ ไม่ว่าเป็นกรณีใดๆ ชายน้อยอยากให้หาวิธีป้องกันเอาไว้มากๆเลยนะครัaids-awareness-sloganบเพื่อสุขภาพของเรา เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าเลือดนั้นมีเชื้อโรคอะไรแฝงอยู่บ้าง ควรสวมถุงมือยางหรือใช้พลาสติกหุ้มมือทุกครั้งนะครับ เพื่อสุขอนามัยที่ดีจะทำให้เราปลอดโรค เพราะความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐที่สุดในโลกเลยนะครับ

เอาหละครับ เดินทางมาถึงตอนท้ายแล้ว ชายน้อยอยากให้เราทุกคนทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีป้องกันข้างต้นกันให้เข้าใจถ่องแท้เลยนะครับ เพื่อตัวเรา คนที่เรารัก เป็นวิธีง่ายมากที่เราจะใส่ใจปฏิบัติ ป้องกันเอาไว้ก่อนนะครับดีกว่าจะมาเสียใจทีหลัง ก่อนจากกันไปขอฝากคำขวัญเด็กๆ เพื่อเตือนใจเราๆกันสักนิดนะครับ "ขับรถระวังชน ซุกซนระวังเอดส์" "สวมถุงยางเพื่อชีวิต ก่อนคิดมีเพศสัมพันธ์"

คนไทยจะได้ห่างไกลจากโรคเอดส์ครับ

drawing_huang_fei

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โรคเอดส์ติดต่อกันได้อย่างไรกันนะ?

condom_re_001

เจ้าเชื้อHIVตัวร้ายนนี้นะครับมักจะชอบอยู่ในน้ำกามและน้ำคัดหลั่งในช่องคลอด และจากข้อมูลสถิติก็ทำให้เราทราบว่าเจ้าโรคเอดส์นี้นะครับติดต่อกันได้ 2 ทาง ใหญ่ๆ นั่นก็คือ ทางเพศสัมพันธ์กับทางเลือดครับ เดี๋ยวเราจะมาพูดถึงและขยายความเจ้า2ช่องทางนี้กันนะครับ

  25_20090320104259.

>>>ทางเพศสัมพันธ์ : การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย หรือ ชายกับหญิง โดยไม่มีการใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน อยากจะบอกกับเพื่อนๆว่า เสี่ยงมากๆเลยนะครับ เพราะเชื้อจะผ่านเข้าสู่อวัยวะของอีกฝ่ายหนึ่งโดยผ่านทางน้ำกามหรือน้ำคัดหลั่งได้โดยตรง ( หากเชื้ออยู่ภายนอกร่างกายและวัยรุ่น1สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่สภาพ pH หรืออุณหภูมิหนึ่งๆเชื้อจะอยู่ไม่ได้เลยหรืออาจอยู่ได้ช่วงหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่นาที ขึ้นอยู่กับสภาพpHและอุณหภูมิที่เหมาะสมในขณะนั้นๆ เราสามารถสังเกตด้วยตานะครับ เช่น ถ้าเลือดแข็งตัว เจ้าHIVก็สิ้นฤทธิ์แล้วครับและอีกอย่างหนึ่ง เจ้าเชื้อHIVก็ไม่สามารถทนทานต่อสารซักล้างต่างๆนะครับ ) ทำไมการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันถึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก ก็เพราะว่ามีช่องทางเข้าของเชื้อคือ เยื่อบุต่างๆ คือ เยื่อบุผนังช่องคลอด เยื่อบุช่องทวาร หรือเยื่อบุอ่อนปลายอวัยวะเพศชาย ( ปลายท่ออสุจิ ) เป็นช่องทางอย่างดีมากนะครับในการรับเชื้อ แม้จะไม่ฉีกขาดหรือเป็นแผลก็ตาม และถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีแผลกามโรคหรือแผลที่อวัยวะเพศอยู่แล้ว รวมไปถึงในกรณีการร่วมเพศระหว่างชายกับชายนั้นจะทำให้เยื่อบุช่องทวาร ปริแตกหรือฉีกขาดได้ง่ายมากโอกาสติดเชื้อก็จะยิ่งสูงมากๆเลยนะครับ ส่วนการติดเชื้อผ่านของเหลวร่ายกายอื่นๆ เช่น น้ำลาย หรือเหงื่อนั้น จะมีเชื้ออยู่น้อยมากหรืออาจไม่มีเลยครับ( การติดเชื้อเอดส์โดยการจูบ ต้องมีการจูบแบบดูดดื่มและมีการแลกเปลี่ยนน้ำลายซึ่งจะต้องใช้น้ำลายถึง 50 ลิตรเลยนะครับแต่หากในช่องปากมีแผลอันนี้ก็เข้าขั้นเสี่ยงเหมือนกันนะครับ และถ้าเราสงสัยว่าคนที่เราจะจูบด้วยมีเชื้อ ชายน้อยว่าเราก็อย่าเสี่ยงดีกว่านะครับ…หุหุ เพราะถ้าพลาดพลั้งขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของเราเลยนะครับ ) มีคำถามและคำตอบยอดฮิตที่รวบรวมไว้ที่เพื่อนๆหลายคนสงสัย ลองเข้าไปดูกันที่นี่เลยครับผม

 

>>>ทางเลือด : ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สังคมเสื่อมโทรม ยาเสพติดเป็นที่พึ่งให้กับหลายคนที่เครียดกับปัญหาและความอยากลอง แต่หารู้ไม่ว่าความ new-2สุขลวงตาที่สมองถูกครอบงำและเกิดจินตนาการขึ้นนี่เองทำให้ร่างกายถูกทำลายโดยไม่รู้ตัว มิหนำซ้ำวิธียอดฮิตในการเสพยาเสพติดที่เป็นของเหลวผ่านทางการฉีดเข้าเส้นเลือดนี้เองเป็นช่องทางที่ดีเยี่ยมให้พี่HIVเขาเปิดสาขาเพิ่ม ยังไง เดี๋ยวเรามาดูกัน เพราะในการเสพโดยวิธีฉีดเข้าเส้นเลือด(เฉพาะการเสพเป็นกลุ่มที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันซึ่งต้องมีผู้ติดเชื้อHIVร่วมเสพด้วยนะครับ) เช่น เฮโรอิน เป็นต้น ความรัก เป็นสิ่งที่สวยงามนะครับโดยเฉพาะความรักที่มีต่อเพื่อน แต่ถ้ารักแบบเผื่อแผ่พี่HIVให้กันด้วยแล้วละก็ถือว่าเป็นเพื่อนตายกันเลยทีเดียวครับ เพราะพี่HIVเขาชอบอยู่ในเลือดอยู่แล้ว ยิ่งการใช้เข็มร่วมกันแน่นอนว่าโอกาสสูงมากที่เข็มจะเปื้อนเลือดของคนที่ติดเชื้อเอดส์ที่อยู่ในกลุ่ม คราวนี้แหละครับ ถือว่าเพื่อนๆกลุ่มนี้สามัคคีกันมากทั้งยามมีสุขร่วมเสพแม้กระทั่งตอนตายยังจะสามัคคีกันอีกนะครับ น้องๆหนูๆรู้ไว้นะครับว่าความรักและการสามัคคีที่ไม่ถูกทาง ไม่ตั้งอยู่บนความดี ไม่สมควรเอาเยี่ยงอย่างเลยนะครับ นอกจากจะติดเชื้อผ่านการใช้เข็มร่วมกับคนที่มีเชื้อแล้วนะครับ อีกทางหนึ่งที่สังคมให้ความสำคัญมากก็คือ การติดเอดส์จากแม่สู่ลูก ซึ่งแน่นอนว่าลูกต้องมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อเอดส์ในเลือดของผู้เป็นแม่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งก่อนคลอดและระหว่างคลอดรวมไปทั้งการให้นมแม่แก่ลูกด้วย ส่วนการติดเชื้อผ่านการบริจาคเลือดนั้นในอดีตอาจมีปัญหาอยู่บ้างเนื่องจากเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นของทีมแพทย์เกิดขึ้นซึ่งเราคงพอได้ยินข่าวตามสื่อกันบ้างนะครับที่ผู้รับบริจาคเลือดติดเชื้อจากเลือดที่บริจาค แต่ปัจจุบันไม่เป็นปัญหาแล้วครับเพราะมีการตรวจเลือดในผู้ที่บริจาคเลือดเป็นอย่างดีทุกรายครับ